คลังหั่นคาดการณ์ GDP ปี 67 เหลือ 2.4% จากเดิม 2.8% หลังส่งออกหดตัวกว่าคาด การผลิตภาคอุตสาหกรรมยังหดตัว ภาคเกษตรรับผลกระทบภัยแล้ง และภาคการคลังเบิกจ่ายงบฯ ปี 66 ไปพลาง เชื่อครึ่งปีหลังได้แรงหนุนภาคท่องเที่ยวและนโยบายคลัง ดิจิทัลวอลเล็ตกระตุ้นบริโภคขยับ GDP โตเป็น 3.3%
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2567 คาดว่าจะขยายตัวที่ 2.4% (อยู่ในช่วงคาดการณ์ที่ 1.9-2.9%) โดยการคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจในครั้งนี้ได้ปรับลดลงเมื่อเทียบกับครั้งที่แล้วของกระทรวงการคลัง ณ เดือน ม.ค. 2567 ที่ 2.8% เนื่องจาก 4 ปัจจัยหลัก ประกอบด้วย
1.การส่งออกสินค้าที่หดตัวมากกว่าที่คาดการณ์โดยเฉพาะสินค้าอุตสาหกรรมในไตรมาสที่ 1 ของปี 2567
2.การผลิตภาคอุตสาหกรรมยังคงหดตัวซึ่งสะท้อนจากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (Manufacturing Production Index: MPI) โดยเฉพาะสินค้าในหมวดยานยนต์และหมวดชิ้นส่วนและแผงวงจร ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2567
3.ภาคการเกษตรได้รับผลกระทบจากภัยแล้งและปรากฏการณ์เอลนีโญ
ทั้งนี้ ในด้านเสถียรภาพภายในประเทศยังอยู่ในระดับมั่นคง โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ที่ 0.6% ต่อปี (ช่วงคาดการณ์ที่ 0.1 ถึง 1.1%) ตามการปรับตัวลดลงของราคาสินค้าอาหารบางกลุ่ม อีกทั้งราคาสินค้าในหมวดพลังงานที่ลดลงจากมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพของภาครัฐ
ขณะที่เสถียรภาพภายนอกประเทศ ดุลบริการมีแนวโน้มจะเกินดุลตามการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่คาดว่าจะเดินทางเข้ามาในปีนี้ราว 35.7 ล้านคน ส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดในปี 2567 มีแนวโน้มที่จะกลับมาเกินดุล 9.3 พันล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 1.8% ของ GDP